ลดน้ำหนักแบบIF แค่กินเป็นเวลาก็ผอมได้

ลดน้ำหนักแบบIF การลดน้ำหนักโดยทั่วไป คือ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดไขมัน ออกกลำลังกายและรับประทาน ผัก ผลไม้ แต่มีการลดน้ำหนักอีกวิธีหนึ่งที่เรียกว่า IF (ไอเอฟ) หรือ Intermitent Fasting ซึ่งเป็นการลดน้ำหนักด้วยวิธีจำกัดเวลาในการรับประทานอาหารและเห็นผลลัพธ์ชัดเจนเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น!

ลดน้ำหนักแบบIF หรือ Intermitent Fasting คืออะไร

คือการลดน้ำหนักแบบทานเป็นเวลา โดยจะทานอาหารเฉพาะเวลาที่จำกัดเท่านั้น เรียกว่าช่วง feeding และช่วง fasting คือช่วงเวลาที่ไม่สามารถรับประทานอาหารใดๆได้เลย ยกเว้นเครื่องดื่มเพียงบางชนิด โดยช่วง feeding  ร่างกายจะดึงไขมันที่สะสมอยู่ออกมาใช้ ซึ่งวิธีการลดน้ำหนักแบบนี้กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากทั้งในไทยและต่างประเทศ ว่ากันว่าการการรับประทานแบบ IF นี้มีผลดีมากกว่าผลเสียซะอีก

IF หรือ Intermitent Fasting คืออะไร

ลดน้ำหนักแบบ IF

  1. แบบ Lean gains หรือเรียกว่า 8/16 เหมาะมากสำหรับผู้ที่เริ่มต้นลดน้ำหนักแบบIFเพราะสามารถรับประทานอาหารได้นานถึง 8 ชั่วโมง และอดอาหารอีก 16 ชั่วโมง เช่น เริ่มรับประทานอาหารตั้งแต่ 8 โมงเช้า ถึง 4 โมงเย็น หรือ เริ่มรับประทานอาหารตั้งแต่ 11โมงเช้า จนถึง 1 ทุ่ม โดยสามารถเลือกเวลาfeeding และfasting ได้ตามความสะดวกของแต่ละบุคคล
  2. แบบfast 5 Fast 5 จะเพิ่มความความโหดของการรับประทานอาหารแบบIFขึ้นไปอีก เพราะจะรับประทานอาหารได้เพียง 5 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น และอดอีก 19 ชั่วโมง แนะนำว่าให้ลองแบบLean gainsหรือ 8/16 สักพักก่อนให้ร่างกายเกิดความคุ้นเคย แล้วค่อยขยับมาเป็นแบบ fast 5
  3. แบบ eat stop eat อดอาหาร 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ เป็นการอดอาหารที่ค่อนข้างยาก เพราะต้องงดรับประทานทั้งวัน หรือ 24 ชั่วโมง จำนวน 2 วันภายใน 1 สัปดาห์ แต่การอดอาหารแบบนี้ค่อนข้างยาก ดังนั้นควรเริ่มจาก 8/16 และ fast 5 ก่อน แล้วค่อยเริ่มแบบ eat stop eat ข้อสำคัญคือควรที่จะรับประทานอาหารในวันปกติให้พอประมาณ
  4. 5:2 วิธีนี้คือการรับประทานแบบ fasting 2 วัน และแบบปกติ 5 วัน โดยวันที่ fasting จะทำติดกันหรือทำไม่ติดกันก็ได้  แต่วันที่รับประทานปกติก็ควรที่จะจำกัดปริมาณอาหารไม่ให้มากเกินไป และวันที่ fasting สามารถรับประทานอาหารได้ แต่จะกัดจำนวนแคลอรี่อยู่ที่ 500-600 แคลอรี่ต่อวัน
  5. The Warrior Diet เป็นการลดน้ำหนักโดยรับประทานอาหารมื้อค่ำเพียง 1 มื้อต่อวันเท่านั้น โดยจะแนะนำให้รับประทาน 1 มื้อต่อวัน เพียง 2 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยจะรับประทานติดกันหรือไม่ติดกันก็ได้ และอีก 5 วัน จะรับประทานแบบปกติ
  6. แบบ ADF หรือ Alternate Day Fasting วิธีสุดท้ายจะเป็นการลดน้ำหนักแบบ อดอาหาร 1 วัน และรับประทานอาหาร 1 วัน สลับกันไป

รับประทานอะไรได้บ้างในช่วง fasting

ส่วนช่วง fasting หรือช่วงอดอาหารก็สามารถรับประทานเครื่องดื่มบางชนิดที่เป็น “ศูนย์ แคลอรี่” เท่านั้น เครื่องดื่มที่แนะนำ คือ น้ำเปล่า กาแฟดำ และชา เป็นต้น

รับประทานอะไรได้บ้างในช่วง fasting

 ยืนยันว่าการลดน้ำหนักแบบ IF นอกจากจะช่วยลดไขมันในร่างการแล้ว ยังมีผลวิจัยจาก ยืนยันว่า IF ยังช่วยปรับสมดุลในร่างกายและสมอง มีส่วนทำให้ชีวิตยืนยาวขึ้น ความจำดีขึ้น ช่วยชะลอวัยแลดูอ่อนเยาว์ ช่วยลดความเสี่ยงการเป็นโรคเบาหวานโรคอ้วน และโรคหัวใจ ได้อีกด้วย ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด การลดน้ำหนักไม่ควรที่จะหักโหมเกินไปและควรเลือกวิธีลดน้ำหนักให้เหมาะสมกับตัวเอง